ศาลสั่งกลุ่มมหากิจศิริส่งบัญชีรับจ่ายและทรัพย์สินรายเดือนให้ศาลและเนสท์เล่ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเนสท์เล่

ศาลสั่งกลุ่มมหากิจศิริส่งบัญชีรับจ่ายและทรัพย์สินรายเดือนให้ศาลและเนสท์เล่ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเนสท์เล่

   เมื่อ : 10 ก.ค. 2568

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งให้ เฉลิมชัย-สุวิมล–ประยุทธ มหากิจศิริกรรมการบริษัท คอฟฟี่ ควอลิตี้ โปรดักท์ส จำกัด หรือคิวซีพี จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย และบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของบริษัท คิวซีพีเป็นรายเดือน เพื่อส่งให้ศาลและเนสท์เล่ตรวจสอบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทคิวซีพีและเนสท์เล่ โดยที่การพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพีที่เนสท์เล่ยื่นฟ้องยังดำเนินต่อไป

 

คดีนี้เนสท์เล่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เพื่อขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัท คิวซีพี และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการแห่งสถาบันอนุญาโตตุลาการหอการค้านานาชาติ ที่ชี้ขาดให้เนสท์เล่เป็นฝ่ายชนะในการยุติสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มมหากิจศิริในดำเนินงานบริษัทคิวซีพี  และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวให้แก่เนสท์เล่ระหว่างการพิจารณาคดี

 

ระหว่างการพิจารณาคำร้อง ศาลได้พิจารณาเอกสารต่าง ๆ ซึ่งเผยให้เห็นถึงความขัดแย้งรุนแรงและความล้มเหลวในการเจรจาระหว่างผู้ถือหุ้น 2 ฝ่ายและกรรมการบริษัท ที่ทำให้เนสท์เล่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจบริษัท QCP ร่วมกับตระกูลมหากิจศิริได้อีกต่อไปนอกจากนี้ ศาลยังได้รับหลักฐานซึ่งชี้ให้เห็นถึงเจตนาของครอบครัวมหากิจศิริในการใช้ประโยชน์จากบริษัทร่วมทุนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างชัดเจน

 

ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงเห็นว่ามีเหตุสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของเนสท์เล่ในระหว่างพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพี  และได้มีคำสั่งให้กรรมการฝ่ายมหากิจศิริจัดทำบัญชีรับจ่าย และบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ส่งให้ศาลและเนสท์เล่เป็นประจำทุกเดือน โดยให้เริ่มจัดทำบัญชีตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น สำหรับบัญชีประจำเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม 2568 ให้กลุ่มมหากิจศิริจัดส่งภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท คิวซีพี และเนสท์เล่ แทนการแต่งตั้งบริษัท แกรนท์ ธอนตัน เป็นผู้จัดการรักษาทรัพย์สินของบริษัท คิวซีพี

 

คดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพีที่เนสท์เล่ยื่นฟ้องจะยังคงดำเนินต่อไป และการที่ศาลมีคำสั่งให้ฝ่ายมหากิจศิริ ในฐานะกรรมการบริษัท คิวซีพี ส่งบัญชีรายรับรายจ่ายและบัญชีทรัพย์สินหนี้สินรายเดือนของบริษัท จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการดังล่าว

 

ระหว่างปี 2533 ถึง 2567 ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในประเทศไทยเคยผลิตโดยบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแบบ 50/50 ระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริ แต่แบรนด์เนสกาแฟและเทคโนโลยีการผลิตที่เกี่ยวข้องล้วนเป็นของเนสท์เล่ และเนสท์เล่เป็นผู้บริหารงานบริษัท QCP ทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งภายหลังการยุติสัญญาร่วมทุนเนสท์เล่ มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าลงทุนเพื่อตั้งโรงงานผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย และยังเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดของไทย

เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 185 ประเทศทั่วโลก พนักงานเนสท์เล่กว่า 277,000 คนต่างมีพันธสัญญาต่อเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และ
ในอนาคต (Unlocking the power of food to enhance quality of life for everyone, today and for generations to come) 
เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ไมโล แม็กกี้ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ปัจจุบัน เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนสท์เล่ ประเทศไทยผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/goodfoodgoodlifebyNestleThailand

YouTube: https://www.youtube.com/user/NestleThailand

Website: https://www.nestle.co.th