กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโพลิสไตรีน เผยนวัตกรรมวัสดุคาร์บอนต่ำคุณภาพสูง ชูไทยเป็นฐานผลิตระดับโลก

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโพลิสไตรีน เผยนวัตกรรมวัสดุคาร์บอนต่ำคุณภาพสูง ชูไทยเป็นฐานผลิตระดับโลก

   เมื่อ : 18 ส.ค. 2568

กรุงเทพฯ — กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) เปิดเผยอีกมิติของการพัฒนาเม็ดพลาสติกโพลิสไตรีนจากโรงงานของกลุ่มบริษัทร่วมทุน เอสซีจีซี-ดาว ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลิสไตรีนรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นทั้งด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความสม่ำเสมอ และ ข้อได้เปรียบจากการมีโรงงานผลิตในประเทศไทย โดยเน้นถึงคุณสมบัติเพิ่มเติมด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) ระดับทองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับการผสมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลได้มากถึง 50% โดยไม่ลดทอนคุณภาพ สามารถใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า บรรจุภัณฑ์อาหาร ของเล่นเด็ก วัสดุตกแต่งภายใน ไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์ ตอกย้ำบทบาทของ Dow ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

“โพลิสไตรีนของเราไม่ใช่แค่วัสดุ แต่คือโซลูชันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ต้นทุนที่เหมาะสม และศักยภาพในการรีไซเคิลที่เหนือกว่าโพลิสไตรีนทั่วไปจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในยุคที่ความยั่งยืนคือหัวใจของทุกอุตสาหกรรม” นายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจร่วมทุน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าว

ด้วยกำลังการผลิตระดับโลกกว่า 150,000 ตันต่อปี จากฝีมือของพนักงานชาวไทยที่โรงงานของกลุ่มบริษัทร่วมทุน เอสซีจีซี-ดาว ในจังหวัดระยอง ทำให้กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ยืนหยัดเป็นศูนย์กลางสำคัญในห่วงโซ่อุปทานวัสดุระดับโลก ทั้งการใช้ในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก โดยผลิตภัณฑ์โพลิสไตรีนที่ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น การไหลตัวสูง ผิวเงางามสูง การดูดความชื้นต่ำ แข็งแรง น้ำหนักเบา พร้อมรองรับกับระบบการรีไซเคิลเชิงกล (Mechanical Recycling) ซึ่งไม่เปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของวัสดุ เพียงบด ล้าง และหลอมขึ้นรูปใหม่ ช่วยลดต้นทุน ใช้พลังงานน้อย และนำกลับมาใช้ได้ในระดับอุตสาหกรรม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอัตราการผสมเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) ได้สูงถึง 30–50% โดยไม่ลดทอนคุณภาพ* ซึ่งเหนือกว่าพลาสติกเอบีเอส (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene) ที่รองรับได้เพียง 10–20% เท่านั้น

“เราภาคภูมิใจที่ผลิตภัณฑ์โพลิสไตรีนที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ผลิตที่ต้องการลดการใช้วัตถุดิบใหม่ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และก้าวสู่การผลิตที่ยั่งยืนโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการใช้งาน และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยจะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมโพลิสไตรีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพันธมิตรด้านวัสดุศาสตร์ที่ไว้วางใจได้ของผู้ผลิตในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และทำให้ประเทศไทยได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในฐานะผู้ส่งออกวัสดุที่มีนวัตกรรม” นายเอกสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม

พลาสติกโพลิสไตรีนของกลุ่มบริษัทร่วมทุน เอสซีจีซี-ดาว ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) สำหรับสัมผัสกับอาหารได้โดยตรง จึงสามารถใช้ได้กับกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ได้กับอีกหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มของเล่นเด็กและอุปกรณ์การเขียน กลุ่มวัสดุตกแต่งภายใน เช่น คิ้ว บัว ประตู รวมถึงกลุ่มเครื่องมือการแพทย์ ผู้ที่สนใจสามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมวัสดุโพลิสไตรีนได้ที่ https://th.dow.com/en-us/products-solutions/polystyrene.html

 

*งานวิจัยเปรียบเทียบการรีไซเคิลอันตรายจากการเผาและก๊าซเรือนกระจก พบว่า การรีไซเคิล HIPS (High Impact Polystyrene) สามารถลดการปล่อย GHG ได้มากกว่าการรีไซเคิล ABS ประมาณ 61.6–84.3% sciencedirect.com 1ui.adsabs.harvard.edu

เกี่ยวกับ ‘ดาว’

Dow (NYSE: DOW) เป็นหนึ่งในบริษัทวัสดุศาสตร์ชั้นนำของโลกที่ให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง อาทิ บรรจุภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐาน ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ความเป็นบริษัทระดับโลกที่มีโรงงานขนาดใหญ่และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ พร้อมด้วยความเป็นผู้นำทางธุกิจและความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน ช่วยให้เราบรรลุการเติบโตอย่างมีผลกำไรและสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน ปัจจุบัน Dow มีฐานการผลิตใน 31 ประเทศและมีพนักงานประมาณ 35,900 คน โดยมียอดขายประมาณ 45,000 ล้านดอลลาห์สหรัฐในปี 2566

 

ทั้งนี้ การอ้างอิงถึง Dow หรือบริษัทฯ นั้นจะหมายความถึง Dow Inc. และบริษัทในเครือ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทวัสดุศาสตร์ชั้นนำของโลกในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และให้การยอมรับบุคคลากรที่มีความหลากหลายได้ที่ www.dow.com

 

เกี่ยวกับ ‘กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย’

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow Thailand Group) เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 และได้ร่วมกับบริษัท เอสซีจี ก่อตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจี-ดาว ในปี พ.ศ. 2530 (ในปี 2565 เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้รีแบรนด์เป็น เอสซีจีซี) โดยในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ประกอบด้วยบริษัทซึ่ง Dow เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว และกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจีซี-ดาว นอกจากนี้ ยังมีบริษัทร่วมทุนระหว่าง Dow และ โซลเวย์ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ ดาว ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมีโรงงานหลายแห่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ตลาดหลักของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยได้แก่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และยานยนต์ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ที่ https://www.dowfamilythailand.com/th/about_us.php หรือติดตามเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DowThailandGroup/