‘WAVE’ ขึ้นแท่นหน่วยงานตรวจและรับรอง G-Green ตั้งเป้าผลักดันผู้ประกอบการสู่ ”Green Hotel” เต็มรูปแบบ พลิกโฉมท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ผลักดัน 600 โรงแรม ตามมาตรฐานความยั่งยืนภายในไตรมาส 1/69

‘WAVE’ ขึ้นแท่นหน่วยงานตรวจและรับรอง G-Green ตั้งเป้าผลักดันผู้ประกอบการสู่ ”Green Hotel” เต็มรูปแบบ พลิกโฉมท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ผลักดัน 600 โรงแรม ตามมาตรฐานความยั่งยืนภายในไตรมาส 1/69
บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยรับดำเนินงานตรวจประเมินรับรอง G – Green จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ มุ่งสู่ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบเดินหน้าให้บริการปรึกษาและตรวจประเมินมาตรฐาน Green Hotel Plus ให้กับกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการให้ก้าวสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ปักหมุดหมายปี 2568-2569 ส่งเสริมโรงแรมและรีสอร์ตในภูเก็ต 600 แห่งได้รับรอง Green Hotel Plus หนุนรายได้เติบโต
นายกรกช สงวนปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร ในเครือบริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ (WAVE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหน่วยรับดำเนินงานตรวจประเมินและรับรอง G – Green ในประเภทโครงการยกระดับโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่มาตรฐานสากล (Green Hotel Plus) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ นับเป็น 1 ใน 8 บริษัทฯ ในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ผู้ให้บริการ Climate Solution อย่างครบวงจร
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ผ่านเกณฑ์การขึ้นทะเบียนที่เข้มงวดของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และยังมีบุคลากรที่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ตรวจประเมิน (Auditor) ตามมาตรฐาน Green Hotel Plus ปัจจุบันบริษัทฯ พร้อมให้บริการตรวจประเมินสถานประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรมอย่างมืออาชีพและพร้อมมุ่งสู่ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การให้บริการเป็นที่ปรึกษาของมาตรฐานและประสานคณะกรรมการตรวจประเมิน (Auditor) อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ และบริษัทฯ ยังมีเครื่องมือในการจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างครบวงจร ตลอดจนมีคาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) เพียงพอให้สามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้แก่โรงแรมได้
นายกรกช กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งให้บริการเป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้ตรวจประเมิน Green Hotel Plus แก่กลุ่มลูกค้าในโครงการนำร่องของรัฐบาล เช่นโครงการ Phuket Sandbox ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการได้รับการรับรองGreen Hotel Plus จะช่วยยกระดับการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยสู่ความยั่งยืน และไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการลดต้นทุน จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปรับตัวตามมาตรฐานถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้มงวดความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมไทยต้องรักษาความสามารถการแข่งขันและดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านนี้ ผู้ประกอบการควรต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากภาครัฐและสถาบันการเงิน เพื่อช่วยผู้ประกอบการนำมาตรฐาน Green Hotel Plus ไปปฏิบัติได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
“จากการก้าวเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบ บริษัทฯ วางเป้าหมายปี 2568-2569 จะส่งเสริมโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ตได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Green Hotel Plusจำนวนไม่น้อยกว่า 600 แห่ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกในปี 2569 (Global Sustainable Tourism Conference 2026) และจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวหลัก (เมืองหลัก) ของประเทศไทย และจังหวัดการท่องเที่ยวรอง (เมืองรอง)ต่อไป เพื่อผลักดันรายได้เติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างยั่งยืน” นายกรกช กล่าว