กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับมือ กรุงศรี เปิดตัวต้นแบบการเชื่อมต่อข้อมูล ผ่านระบบ API แบบเรียลไทม์ยกระดับประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง บูรณาการกลไกการประสานงานระหว่างกรุงศรีและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้เป็นระบบดิจิทัล ลดระยะเวลา–ลดภาระประชาชน–เพิ่มความโปร่งใส

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับมือ กรุงศรี เปิดตัวต้นแบบการเชื่อมต่อข้อมูล ผ่านระบบ API แบบเรียลไทม์ยกระดับประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง บูรณาการกลไกการประสานงานระหว่างกรุงศรีและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้เป็นระบบดิจิทัล ลดระยะเวลา–ลดภาระประชาชน–เพิ่มความโปร่งใส

   เมื่อ : 29 ก.ย. 2568

 

กรุงเทพฯ (29 กันยายน 2568)

        กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (กรุงศรี) โดย นายตุลย์ โรจน์เสรี ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ระดับองค์กร ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการบูรณาการข้อมูลและระบบเพื่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดตัวต้นแบบการเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ API เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการลดระยะเวลาในการดำเนินการประสานข้อมูลและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการบัญชีและช่องทางธุรกรรม เพื่อป้องกันความเสียหายลุกลาม พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการป้องกันเชิงรุก ใช้ Data Analytics วิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัย มุ่งลดเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น สำหรับในงานเปิดตัวต้นแบบการเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ API ได้รับเกียรติจาก พล.ต.ต. ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นตัวแทนในพิธี

       ความร่วมมือนี้เป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) มุ่งทดสอบการทำงานต้นทาง–ถึง–ปลายทาง (end-to-end) โดยการผนวกกับระบบแจ้งความออนไลน์ของ บช.ก. ก่อนขยายผลไปยังขอบเขตและบริการอื่นที่เหมาะสม ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูล และกลไกกำกับดูแลร่วมอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมภายใต้โครงการความร่วมมือนี้ ส่งผลให้เมื่อมีการแจ้งความผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ของ บช.ก. และพบว่าบัญชีธนาคารของผู้ต้องสงสัยหรือบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องเป็นบัญชีของกรุงศรี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสามารถส่งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินการประสานข้อมูลและการดำเนินการต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการบัญชีและช่องทางธุรกรรม ไปยังธนาคารได้ทันทีบนระบบดิจิทัล ในหลักนาที เพื่อประกอบการสืบสวนและสอบสวนต่อไป ช่วยให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและโปร่งใส ลดภาระด้านเอกสารและการเดินเรื่องระหว่างหน่วยงาน เพิ่มความสะดวกในการแจ้งความเพียงครั้งเดียว และเจ้าหน้าที่สามารถติดตามสถานะ การทำงานได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่าสถิติผลการจับกุม ในปัจจุบันประมาณ 60 - 80% ของคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการเงิน มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ปฏิบัติการ CIB breaks up online scam syndicate สกัดกั้นภัยออนไลน์ข้ามชาติมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท , ปฏิบัติการ “GHOST COMPANY”  จับบริษัทผีแฝงเปิดบัญชีม้า 6 จุด ในพื้นที่วังน้อย ตรวจค้นกลุ่มบริษัทต้องสงสัยที่ไม่มีการประกอบกิจการจริงตามที่มีการแจ้งจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นการจดจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อใช้ชื่อของบริษัทมาเปิดบัญชีม้าและใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบของบริษัทจำกัด , รวบนายทุนตัวการใหญ่ขบวนการจัดหาบัญชีม้าข้ามชาติ และคดี Shell Company (ม้า Worldwide) และทลาย ‘คอกม้าจีนเทา’ เครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 31 ผู้ต้องหา ไทย-จีน ยึดทรัพย์กว่า 6 ล้านบาท ซึ่งจากผลการดำเนินการตรวจค้นจับกุม ที่ผ่านมานั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของทางสถาบันการเงิน ในการยกระดับมาตรการจัดการกับบัญชีม้าที่เป็นของบุคคล และบัญชีม้าที่เป็นนิติบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง และลดผลกระทบต่อประชาชน โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยบูรณาการกระบวนการการประสานข้อมูลและการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ระหว่างกรุงศรีกับบช.ก. เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลผ่านทางระบบ API แบบเรียลไทม์ ช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการ ลดภาระของประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการทำธุรกรรมออนไลน์

ทั้งนี้ กรุงศรี ในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบของประเทศ (D-SIB) มุ่งสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการป้องกันเชิงรุก และเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยทางการเงินของประเทศ ความร่วมมือนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานของภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดและปลดล็อกปัญหาเรื่องของระยะเวลาและขั้นตอนการดำเนินงานที่ซับซ้อน อีกทั้งยังเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการสืบสวนคดีอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนผู้เสียหายโดยตรง และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับหลักการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) ภายใต้กรอบ ESGทั้งสองหน่วยงานยังคงเดินหน้าความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางการเงินในสังคมไทย พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ของการประสานงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่เน้นความรวดเร็ว โปร่งใส และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยกรุงศรีจะให้การสนับสนุนด้านเทคนิคเพื่อเชื่อมโยงระบบของตำรวจกับฐานข้อมูลธนาคาร พร้อมศึกษาการใช้ Data Analytics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัยเชิงรุก และจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การบรรยายในงานสัมมนาและการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีม้าและการใช้ข้อมูลในการสืบสวน โดยดำเนินงานภายใต้กรอบกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเคร่งครัด

เกี่ยวกับกรุงศรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 80 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 565 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 525 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 40 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32,262 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 10.2 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.krungsri.com

 

กรุงศรีมีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น

 

เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)

มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานราว 2,000 แห่ง ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 150,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปันสู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน  MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english