เซ็นทรัล รีเทล ประกาศจุดยืน “Retail and Wholesale For All” เดินหน้าปรัชญา CRC Care 7 มิติ สู่โมเดลเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
เซ็นทรัล รีเทล ประกาศจุดยืน “Retail and Wholesale For All” เดินหน้าปรัชญา CRC Care 7 มิติ สู่โมเดลเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
กรุงเทพฯ 8 ตุลาคม 2568 – นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล
รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัลรีเทล มุ่งมั่นในจุดยืนและเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของการเป็น “Retail and Wholesale For All” ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจ แต่คือการสร้างการเติบโตที่มีคุณค่า และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เติบโตไปด้วยกัน และด้วย Ecosystem ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้เราสามารถสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกได้ในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เซ็นทรัล รีเทล จึงได้ขับเคลื่อนเจตนารมณ์ของการเป็น Retail and Wholesale For All ผ่านปรัชญา “CRC Care” ที่เป็น Commitment สำคัญในการดูแลและยกระดับทุกภาคส่วนสู่ความยั่งยืน”
โดยปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” ของเซ็นทรัล รีเทล จะให้ความสำคัญใน 7 มิติหลัก ประกอบด้วย Care for Governance ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และมีธรรมาภิบาล Care for the Customer ยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจCare for Partner ร่วมสร้างการเติบโตแบบ Inclusive Growth กับคู่ค้า Care for the Economy ยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความเจริญทั่วประเทศ Care for the People สร้างที่ทำงานให้เป็น “A Great Place to Work” Care for the Community ยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และ Care for the Environment เดินหน้ากลยุทธ์ ReNEW สู่เป้าหมาย Net Zeroภายในปี 2593 โดยทั้ง 7 มิติของ CRC Care นี้ ถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้ง Ecosystem อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ คู่ค้าของเซ็นทรัล รีเทล100% ลงนามรับนโยบาย ESG, มีการจ้างงานผู้พิการและผู้สูงอายุมากกว่า 500 คน, สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้ชุมชนรวมกว่า814 ล้านบาท เป็นต้น พร้อมกันนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ต่อยอดกิจกรรมด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดทำโครงการต่างๆ โดยมีไฮไลท์โครงการที่โดดเด่น อาทิ
1. โครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้า อาคาร และคลังสินค้ากว่า 160 แห่ง ในประเทศไทย เช่น คลังสินค้าไทวัสดุ, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์, ท็อปส์, โก โฮลเซลล์ และประเทศเวียดนามที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมินิ โก! (go!) ลานชี มาร์ท ไฮเปอร์มาร์เก็ต และเหงียนคิม ซึ่งช่วยทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 16% ของพลังงานทั้งหมด ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 86,612 ตัน
2. โครงการโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ(Innovative Solar LED Street Light) โดยโรบินสันไลฟ์สไตล์ ได้มีการติดตั้งครบทั้ง 26 สาขาทั่วประเทศช่วยลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล ประหยัดค่าไฟ และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 200 ตัน หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 60,000 ต้น
3. โครงการตู้เย็นประหยัดพลังงาน โดยโก โฮลเซลล์ และกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล นำตู้เย็นประหยัดพลังงานและสารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 2,163 ตู้ มาใช้ใน 246 สาขา ช่วยลดการใช้พลังงานกว่า 17,485 เมกะวัตต์ชั่วโมง เทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 8,741 ตัน
4. โครงการ Love the Earth Zero Waste – รักโลกต้องเริ่มเลยเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล ในการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้ร่วมกันลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้เหลือน้อยที่สุดและมุ่งสู่เป้าหมาย Zero Waste สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่ ‘ลด’ ตั้งแต่เลือก ‘แยก’ ขยะที่ต้นทาง –และ ‘จัดการ’ อย่างถูกวิธี โดยสามารถลดการสร้างขยะอาหารได้ถึง 568 ตัน และรีไซเคิลขยะได้มากถึง 19% พร้อมทั้งมีการจัดอบรมการจัดการขยะให้แก่พนักงานมากถึง10,110 คน
5. โครงการ FAST Supplier Chatbot แชทบอต ‘น้องฟ้าใส’ ผู้ช่วยสำหรับซัพพลายเออร์และคู่ค้า ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ข้อมูลและตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินให้กับคู่ค้าได้อย่างทันท่วงที รองรับคู่ค้ามากกว่า 10,000 ราย ถูกใช้งานเฉลี่ยประมาณ 500 ครั้งต่อเดือน และลดระยะเวลาการตอบกลับจากประมาณ 1 วัน เหลือเพียง 1 นาที อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ซัพพลายเออร์ได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะเป็นช่องทางแบบ Self-service ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน (24/7)
6. โครงการศูนย์การเรียนรู้พัฒนาผลผลิตการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เซ็นทรัล รีเทล เปลี่ยนพื้นที่เกษตรเสื่อมโทรมกว่า 5,000 ไร่ ให้เป็นโมเดลของพื้นที่เกษตรยั่งยืน โดยมีการปลูกอะโวคาโดและผลไม้ที่มีมูลค่าสูงภายในระบบวนเกษตร โดยผลผลิตจะถูกจำหน่ายที่ท็อปส์และจริงใจ Farmers’ Market พร้อมพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของชุมชน โดยในปี 2567 โครงการนี้สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 41 ล้านบาท และดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10,000 รายต่อปี
8. โครงการศูนย์การเรียนรู้ทอผ้าย้อมครามและสีธรรมชาติบ้านกุดจิก อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เซ็นทรัล รีเทล สานต่อภูมิปัญญาพื้นถิ่นด้านการย้อมผ้าด้วยคราม ผสมผสานการออกแบบให้ทันสมัย พร้อมสนับสนุนให้ชุมชนลดการใช้สีย้อมสังเคราะห์ ผ่านโครงการป่าให้สี บนพื้นที่ 18 ไร่ ที่เน้นปลูกพืชชนิดต่างๆ ที่ให้สีตามธรรมชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยในปี 2567 โครงการนี้สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนรวม 3.6 ล้านบาท มีจำนวนสมาชิกในวิสาหกิจทอผ้า 61 ครัวเรือน และมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกว่า 3,000 คนต่อปีสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการท่องเที่ยวอีก 6.8 ล้านบาท
“ในโลกธุรกิจที่มีความท้าทายมากมาย การเติบโตที่ดูเพียงตัวเลขยอดขายและกำไรอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักขององค์กรอีกต่อไป แต่สิ่งสำคัญคือการออกแบบอนาคตที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า สังค และโลกใบนี้ไปพร้อมกัน ซึ่งเราเชื่อว่า การเติบโตที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อทุกการตัดสินใจ ตั้งแต่กลยุทธ์ ไปจนถึงการลงมือปฏิบัติ สร้างคุณค่าได้ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง ที่ทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกับเซ็นทรัล รีเทล ภายใต้จุดยืน Retail and Wholesale For All ได้อย่างแท้จริง” นายสุทธิสาร กล่าวทิ้งท้าย
###
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และWholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯมีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,822 ร้านค้า (ข้อมูล ณวันที่ 30 มิถุนายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภควัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์แคร์ และโกโฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานหนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบีโฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทยทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ