ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมมือ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ สานต่อภารกิจขับเคลื่อน “ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center” สร้างโอกาสเท่าเทียมและยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อคนพิการ

ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมมือ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ สานต่อภารกิจขับเคลื่อน “ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center” สร้างโอกาสเท่าเทียมและยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อคนพิการ

   เมื่อ : 13 ต.ค. 2568

กรุงเทพฯ 10 ตุลาคม 2568 – ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ จังหวัดชลบุรีเดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจ “ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข” สร้างโอกาสทางอาชีพที่เท่าเทียมแก่ผู้พิการทั่วประเทศ ผ่านการจ้างงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า (Contact Center) กว่า 63 อัตรา พร้อมสนับสนุนการสร้างอาชีพตามมาตรา 35 รวมกว่า 107 ราย พร้อมเปิดพื้นที่ร่วมสร้างสังคมแห่งการให้ ผ่านตู้รับบริจาคในสาขาไทวัสดุทั่วประเทศกว่า 88 แห่ง เพื่อระดมทุนสนับสนุนการศึกษา การฝึกอาชีพอบรมทักษะดิจิทัล และจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ มุ่งสร้างโอกาสที่เท่าเทียมและยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้พิการ

นายธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุเริ่มวางรากฐานการจ้างงานผู้พิการตั้งแต่ปี 2557 ผ่านหลักสูตร CRC Thaiwatsadu Contact Center Training โดยร่วมมือกับ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ตั้งแต่ปี 2558 จัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพ Contact Center ณ มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ จังหวัดชลบุรี จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้เข้าฝึกอบรมเพียง 15 คน ได้ขยายผลสู่การจ้างงานจริงกว่า 35 คน ระหว่างปี 2559–2563 และต่อยอดเปิด “ศูนย์บริการลูกค้า Contact Center สนับสนุนโครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ” ของไทวัสดุอย่างเป็นทางการในปี 2564 ซึ่งปัจจุบัน สามารถรองรับการจ้างงานได้มากถึง 70 อัตรา โดยในปี 2568 นี้ มีผู้พิการกว่า 63 คน ที่ได้รับการจ้างงานในฐานะพนักงานประจำ พร้อมรับค่าจ้าง โบนัส และสวัสดิการเทียบเท่าพนักงานทั่วไป

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้พิการในวัยทำงานกว่า 807,333 คน แต่มีเพียงราว 24% เท่านั้นที่มีอาชีพ ขณะที่ผู้พิการส่วนใหญ่ยังพึ่งพาเบี้ยยังชีพเพียงเดือนละ 800 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพ สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างทางสังคมที่ผู้พิการจำนวนมากยังขาดโอกาสในการใช้ศักยภาพของตนเอง ไทวัสดุจึงมุ่งมั่นพัฒนาโมเดลสร้างอาชีพเพื่อผู้พิการ ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ตลาดแรงงานอย่างเป็นระบบและมั่นคง

 

“ปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่ความบกพร่องทางร่างกาย แต่คือ ทัศนคติและโอกาส ซึ่งผู้พิการจำนวนไม่น้อยไม่กล้าเข้าสู่ระบบแรงงาน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นที่มีร่างกายปกติได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขายังมีศักยภาพมากพอที่จะทำงานได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่ขาดโอกาสที่จะได้พิสูจน์ ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามผลักดันคือ การสร้างระบบรองรับตลาดแรงงานสำหรับผู้พิการในระยะยาว เพื่อให้ผู้พิการมีรายได้ที่มั่นคง สามารถแบ่งเบาภาระและดูแลครอบครัวได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง” นายธนวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้าน นางสาวธัญญรัตน์ มาอุ้ย ตัวแทนพนักงาน Contact Center ไทวัสดุ กล่าวว่า การได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่ศูนย์ Contact Center ของไทวัสดุ ทำให้ชีวิตของตนและยายดีขึ้นมาก มีรายได้มั่นคง ดูแลคนในครอบครัวได้ ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องอนาคตอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ แต่คือการได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานที่มองตนเป็นเพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่คนพิการ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าและอยากตั้งใจทำงานนี้ต่อไปให้ดีที่สุด ไทวัสดุ เป็นองค์กรที่ให้โอกาสแก่ผู้พิการและเชื่อในศักยภาพของผู้พิการดังเช่น ตัวของเธอเองที่ แม้จะไม่มีแขน แต่ได้พิสูจน์ศักยภาพและความสามารถของตนเองด้วยการใช้สองเท้าในการพิมพ์คอมพิวเตอร์และทำงานได้เหมือนคนที่มีร่างกายปกติทั่วไป

นอกจากการจ้างงานผู้พิการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าศูนย์ Contact Center ตามมาตรา 33 แล้ว ไทวัสดุยังส่งเสริมการสร้างอาชีพตาม มาตรา 35 ด้วยการให้สัมปทานพื้นที่จำหน่ายลอตเตอรี่แก่ผู้พิการที่ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ในสาขาทั่วประเทศ รวมกว่า 107 ราย พร้อมทั้งติดตั้งตู้รับบริจาคทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่มิถุนายน–ธันวาคม 2568 เป็นระยะเวลา 7 เดือน เพื่อระดมทุนสนับสนุนการศึกษา การฝึกอาชีพ และอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ โดยเงินบริจาคทั้งหมดจะมอบให้กับมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้พิการต่อไป

ทั้งนี้สามารถร่วมรับชมคลิปเสียงสะท้อนของ “น้องเนส-ธัญญรัตน์ มาอุ้ย” และเพื่อนๆ ผู้พิการ พนักงานศูนย์Contact Center ของไทวัสดุ ที่ไม่เคยหยุดฝันได้ทาง Youtube: Thaiwatsadu ไทวัสดุ วัสดุ https://www.youtube.com/watch?v=9A2KY04RSKI และสำหรับผู้พิการที่สนใจร่วมงานกับไทวัสดุ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าศูนย์ Contact Center สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล โทร081-371-8307

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,822 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร  ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel  โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ  เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่  ท็อปส์ แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี / โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต  มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ  ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม  เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียน คิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568    เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ