กรุงเทพฯ 4 พฤศจิกายน 2568 – ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุจำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าขยายขีดความสามารถด้านซัพพลายเชน ยกระดับคลังสินค้าแห่งใหม่แบบ Built-to-Suit บนพื้นที่กว่า 38,412 ตารางเมตร ซึ่งคลังสินค้าแห่งใหม่ของไทวัสดุนี้ ตั้งอยู่ภายในโครงการ ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์วังน้อย 63 จ.อยุธยา ภายใต้การลงนามสัญญาเช่าระหว่างไทวัสดุกับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาค นอกจากการขยายพื้นที่แล้ว คลังสินค้าไทวัสดุแห่งนี้ ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ ทั้งในด้านพื้นที่จัดเก็บ ระบบบริหารสินค้า และการประหยัดพลังงาน โดยการติดตั้งระบบ Automated Storage and Retrieval System (ASRS) หรือระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการซัพพลายเชน ตอบโจทย์เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Green Building & Smart Logistics

นายธนวัฒน์ จิรังคพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล   รีเทล กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการพัฒนาคลังสินค้า เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของไทวัสดุ ในการยกระดับศักยภาพด้านซัพพลายเชน และโลจิสติกส์ที่ทันสมัย  ทำให้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญ เพื่อรองรับการขยายสาขาทั่วประเทศแล้ว ยังมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ตอกย้ำบทบาทของไทวัสดุ ในฐานะผู้นำธุรกิจสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อบ้าน ที่มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

ด้าน นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ จัดสรรพื้นที่ให้กับไทวัสดุโครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของไทวัสดุอย่างชัดเจน ในการยกระดับซัพพลายเชนสู่มาตรฐานสากล สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ WHA: We shape the future ที่มุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2568 ธุรกิจโลจิสติกส์ ของ WHA Group มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ที่ครบวงจรของภูมิภาค ด้วยการขยายฐานลูกค้าในหลากหลาย

ไทวัสดุ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางการขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ช แอพพลิเคชั่น และสาขาหน้าร้าน ปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศ 89 สาขา ล่าสุด ไทวัสดุ คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ในหมวดสินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ในฐานะผู้นำตลาดวัสดุก่อสร้างของประเทศไทย

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,822 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร  ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel  โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ  เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่  ท็อปส์ แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี / โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต  มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ  ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม  เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียน คิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568  เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ