ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พลิกเกมค้าปลีก ส่งแคมเปญ “TOPS KNOCK PRICE” รับยุคเศรษฐกิจคุ้มค่าด้วย “สินค้าราคาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องเช็ค” ย้ำภาพแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เริ่มน็อคราคาพร้อมกัน วันนี้ - 25 พ.ย. 2568
ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พลิกเกมค้าปลีก ส่งแคมเปญ “TOPS KNOCK PRICE” รับยุคเศรษฐกิจคุ้มค่าด้วย “สินค้าราคาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องเช็ค” ย้ำภาพแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เริ่มน็อคราคาพร้อมกัน วันนี้ - 25 พ.ย. 2568
กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2568 – ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การช้อปสุดคุ้มให้ลูกค้าอีกขั้น พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี เปิดตัวแคมเปญ “TOPS KNOCK PRICE” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ถูกจริง ไม่ต้องคิดเยอะ” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว ชูจุดแข็ง “คุ้มค่ากว่าด้วยราคาและคุณภาพที่ไว้ใจได้ (Trusted Price with Trusted Quality)” ที่มอบความมั่นใจให้ลูกค้าช้อปได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องเช็คราคา กับสินค้าหลากหลายรายการที่จำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารสด และสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้า Own Brand รวมกว่า 300 รายการ ที่หมุนเวียนกันมาลดกันให้ช้อปแบบจุใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคแบบ Smart Shopper ที่มองหาความคุ้มค่าพร้อมคุณภาพในทุกการจับจ่าย ตอกย้ำภาพของท็อปส์ว่าเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยตั้งเป้ากระตุ้นยอดขายเติบโตขึ้น 20% เริ่มน็อคราคาแล้วตั้งแต่วันนี้ - 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ แคร์, เพ็ท แอนด์ มี ทุกสาขาที่ร่วมรายการ และท็อปส์ ออนไลน์
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทลกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทายด้านค่าครองชีพและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากข้อมูลของ Marketbuzzzพบว่าคนไทยกว่า 42% มีความกังวลเรื่องค่าครองชีพที่เพิ่มสูงมากขึ้น ทำให้เทรนด์ของผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายมากขึ้น และมองหาความคุ้มค่าที่เชื่อถือได้ในทุกการจับจ่าย (Smart Shopper) ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2568 ที่ระบุว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเลือกใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่า วางแผนอย่างรอบคอบ และเน้นซื้อเฉพาะสินค้าที่ตอบโจทย์ความจำเป็นและคุ้มค่าจริง (Smart Spending)
“นอกจากนี้จากข้อมูลยังพบว่า กลุ่ม Smart Shopper ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าและเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและราคาอย่างสมเหตุสมผล สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่คุณภาพดี ราคาคุ้มค่า และกลุ่มนี้ยังมักใช้ข้อมูลและประสบการณ์จริงในการตัดสินใจซื้อ มากกว่าการเลือกเพียงเพราะราคา ทำให้ท็อปส์เดินหน้าปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความมั่นใจและราคาที่ดีที่สุดในทุกการช้อป”
นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวนี้ ท็อปส์จึงได้เปิดตัวแคมเปญ TOPS KNOCK PRICE ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่และปิดเพนพอยต์ (Pain Point) ของลูกค้า ได้อย่างตรงจุด ด้วยแนวคิด ‘ถูกจริง ไม่ต้องคิดเยอะ’ ที่มุ่งเน้นทั้งความเชื่อมั่นด้านราคา (Trusted Price) และคุณภาพที่มั่นใจได้ (Trusted Quality) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าทุกหมวดหมู่ได้โดยไม่ต้องเปรียบเทียบราคา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Own Brand ของท็อปส์ที่มุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับสินค้าทั้งคุณภาพและมาตตรฐานมาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 23 ปี เพื่อเป็นหัวใจหลักในการสร้างความคุ้มค่าที่เข้าถึงได้ในทุกวัน ด้วยสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งอาหาร ของใช้ในบ้าน และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำในตลาดอื่นๆ ด้วยราคาที่จับต้องได้ ภายใต้แบรนด์หลักอย่าง My Choice (มาย ช้อยส์) อาทิ มายช้อยส์ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค, มายช้อยส์แยมสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่สูตรน้ำตาลน้อย และ มายช้อยส์น้ำผึ้งดอกลำไย TOPS (ท็อปส์) อาทิ ท็อปส์ ไข่ไก่สดปลอดสาร, ท็อปส์ ทูน่ากระป๋อง และท็อปส์ น้ำดื่ม และ SmarteR (สมาร์ตเตอร์) อาทิ สมาร์ทเตอร์ถุงขยะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ, สมาร์ทเตอร์กระดาษอเนกประสงค์แบบแผ่น, สมาร์ตเตอร์ผลิตภัณฑ์ล้างจาน, สมาร์ตเตอร์น้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้น และสมาร์ทเตอร์ผลิตภัณฑ์เช็ดกระจก เป็นต้น” นายจักรกฤษณ์ กล่าวเสริม
แคมเปญ “TOPS KNOCK PRICE” ไม่เพียงตอกย้ำความเป็นผู้นำฟู้ดรีเทลไทยของท็อปส์ แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจในการยืนเคียงข้างผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา และทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดย “TOPS KNOCK PRICE” มี 3 น็อคไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่
• น็อคยกที่ 1 คุ้มรู้ใจ เพราะเข้าใจทุกอินไซต์ ท็อปส์ให้ความสำคัญกับการศึกษาอินไซต์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าหมวดหมู่สินค้าที่ลูกค้าจับจ่ายบ่อยที่สุดเป็นสินค้า กลุ่มเครื่องดื่มขนมขบเคี้ยว, ผัก/ผลไม้สด, อาหารสดในบรรจุภัณฑ์ และอาหารในบรรจุภัณฑ์ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าลูกค้ายุคใหม่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ท็อปส์จึงได้นำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาพัฒนาและต่อยอดกลยุทธ์ด้านราคาและสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยจัดสินค้าเข้าร่วมแคมเปญในหมวดหมู่ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าจริงๆ เพื่อให้แคมเปญดังกล่าวได้ช่วยลดค่าครองชีพได้จริง
• น็อคยกที่ 2 คัดสรรของจำเป็นที่ตอบโจทย์จริง ใช้ได้คุ้มทุกวัน ท็อปส์ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการเลือกสินค้า โดยคัดสรรเฉพาะสินค้าคุณภาพจากทั่วโลกและสินค้า Own Brand ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล รวมกว่า 300 รายการ ที่ลูกค้าใช้จริงในชีวิตประจำวันหมุนเวียนมาลดราคาให้ช้อปกันแบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด ของใช้ในบ้านไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในทุกครัวเรือน อาทิ สมาร์ทเตอร์ถุงขยะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ, สมาร์ทเตอร์กระดาษอเนกประสงค์แบบแผ่น, สมาร์ตเตอร์ผลิตภัณฑ์ล้างจาน, สมาร์ตเตอร์น้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้น และ ท็อปส์ ไข่ไก่สดปลอดสาร เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ทุกครั้งที่เลือกซื้อจะได้รับสินค้าคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง
• น็อคยกที่ 3 ถูกจริง มั่นใจ แบบไม่ต้องเช็ค ท็อปส์ยืนยันความคุ้มค่าด้วยระบบตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาสินค้าในตลาดตลอดระยะเวลาแคมเปญ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าในแคมเปญ TOPS KNOCK PRICE มีราคาที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความสบายใจให้ลูกค้าว่า “ราคาที่เห็น คือราคาที่มั่นใจได้จริง” โดยไม่ต้องเสียเวลาเช็คราคา พร้อมมั่นใจว่าราคาที่เห็นคือราคาที่ดีที่สุดในตลาดขณะนั้น
“นอกจากนี้เพื่อให้แคมเปญ TOPS KNOCK PRICE สื่อสารได้อย่างเข้าถึงจึงได้ออกแบบกลยุทธ์ Brand Communication ที่ชัดเจนและแตกต่าง โดยใช้พรีเซ็นเตอร์เป็น “นักมวย” มาร่วมสื่อสารถึงพลังของการ “น็อคราคาให้ต่ำกว่าตลาด” ในการช่วยคนไทยลดภาระค่าครองชีพอย่างแท้จริง ผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ของท็อปส์ โดยเรามั่นใจว่าแคมเปญ TOPS KNOCK PRICE จะช่วยยกระดับประสบการณ์ความคุ้มค่าให้ลูกค้าได้มากกว่าที่เคย ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ท็อปส์ให้เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มในทุกเจเนอเรชัน ซึ่งพร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ และตั้งเป้ากระตุ้นยอดขายเติบโตกว่า 20%” นายจักรกฤษณ์ กล่าวสรุป
ช้อปแบบถูกจริงแบบไม่ต้องคิดเยอะไปกับแคมเปญ TOPS KNOCK PRICE พบกับสินค้าราคาที่ดีที่สุดและคุณภาพที่สุด เริ่มน็อคราคาแล้วตั้งแต่วันนี้ – 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ แคร์, เพ็ท แอนด์ มี ทุกสาขาที่ร่วมรายการ และท็อปส์ ออนไลน์
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.TOPS.co.th, เฟซบุ๊กTOPSThailand หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TOPSThailand
#TOPS #EveryDayDISCOVERY #TOPSKnockPrice
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “เซ็นทรัล รีเทล”) เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,797 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค วัตถุดิบอาหาร รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์ แคร์ และโก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่บิ๊กซี / โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียน คิม (3) กลุ่มแฟชั่น มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ตและ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ มุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เซ็นทรัล รีเทลดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนามทั้งหมด 26 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลัก ๆ ทั่วประเทศ