KCG เปิดกลยุทธ์ “ซัพพลายเชนแห่งความยั่งยืน” คว้า 2 รางวัลใหญ่แห่งปี Commended Supply Chain Management Awards จาก SET Awards 2025 และ Sustainability Disclosure Acknowledge 2025 จากสถาบันไทยพัฒน์

KCG เปิดกลยุทธ์ “ซัพพลายเชนแห่งความยั่งยืน” คว้า 2 รางวัลใหญ่แห่งปี Commended Supply Chain Management Awards จาก SET Awards 2025 และ Sustainability Disclosure Acknowledge 2025 จากสถาบันไทยพัฒน์

   เมื่อ : 3 ธ.ค. 2568

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (KCG) ผู้นำด้านอาหารตะวันตกเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ เผยกลยุทธ์“ซัพพลายเชนแห่งความยั่งยืน” ที่ใช้ในการผลักดันองค์กรให้นำไปสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน ซึ่งเป็นเบื้องหลังที่นำไปสู่การคว้า2 รางวัลใหญ่แห่งปี Commended Supply Chain Management Awards ในกลุ่มรางวัล Sustainability Excellenceจาก SET Awards 2025 และ Sustainability Disclosure Acknowledge 2025 จากสถาบันไทยพัฒน์ 

 

​​คุณดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)  กล่าวว่า “ปี 2025 เป็นปีที่มีความหมายมากสำหรับKCG ทั้งในแง่ของผลประกอบการที่สามารถบรรลุเป้าหมายในQ3 โดยมียอดขายรวม 9 เดือน ที่ 5,900.9 ล้านบาท เติบโตขึ้นระดับ Double digit มีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก เนย และชีส เป็นอันดับ 1 และที่สำคัญ ในแง่ของความยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ KCG ได้รับ 2 รางวัลใหญ่ที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ KCG นั่นคือ Commended Supply Chain Management Awards จาก SET Awards 2025 และ Sustainability Disclosure Acknowledge 2025 จากสถาบันไทยพัฒน์ 

 

บทพิสูจน์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนด้วยรางวัล Commended Supply Chain Management Awards

​​KCG ตอกย้ำมาตรฐานซัพพลายเชนระดับองค์กรชั้นนำ ด้วยการรับรางวัล “Commended Supply Chain Management Award” ในกลุ่ม Sustainability Excellence จากงาน SET Awards 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 สะท้อนบทบาทผู้นำด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนของ KCG ในอุตสาหกรรมอาหารไทย

 

การได้รับรางวัลนี้เป็นความภาคภูมิใจขององค์กร และเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความยั่งยืนของบริษัท โดยเฉพาะการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานผ่านความร่วมมือกับคู่ค้าทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างคุณค่าไปพร้อมกับคู่ค้าในการสร้างมาตรฐานดีขึ้นของพาเลทในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะ Cold Chain เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง

 

หนึ่งในโครงการสำคัญของ KCG คือ การพัฒนาพาเลทรีไซเคิล 100% สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ–ขนส่งสินค้า แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นนวัตกรรมที่สะท้อนการยกระดับมาตรฐาน Green Logistics อย่างต่อเนื่อง โดยยังเดินหน้าสู่การดำเนินงานด้านโลจิสติกส์สีเขียว ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน เช่น การมุ่งใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Roof ในทุกส่วนที่เป็นคลังสินค้าของ KCG พร้อมกับมีแผนขยายเพิ่มเติมไปในส่วนที่โรงงานผลิตสินค้าภายบริษัท นโยบายการใช้รถไฟฟ้าในการจัดส่งสินค้าซึ่งมีเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนรถขนส่งเป็นรถไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 30% ของรถขนส่งทั้งหมดของบริษัท หรือ การนำระบบการจัดการงาน Logistics ส่วนของการจัดส่ง (TMS) ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนในการจัดส่งได้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบการปล่อยการคาร์บอนของการขนส่งได้อย่างแม่นยำ 
รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Emission ภายในปี 2050 ขององค์กร

 

ตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน 2 ปีซ้อนกับรางวัล Sustainability Disclosure Acknowledgement

 

​​KCG ยังได้รับ “รางวัลกิตติกรรมประกาศ Sustainability Disclosure Acknowledge 2025” จากสถาบันไทยพัฒน์เพื่อเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจ และการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนต่อสาธารณะและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักความยั่งยืนที่ประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environment, Social, and Governance: ESG) แสดงถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน 

 

การได้รับรางวัลกิตติกรรมประกาศ Sustainability Disclosure Acknowledgement ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ สะท้อนให้เห็นถึง “ความสม่ำเสมอ” ของบริษัทในการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

​​

ความสำคัญของรางวัลนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนและองค์กรธุรกิจที่เป็นสมาชิกของประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน (Sustainability Disclosure Community: SDC) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือประเด็นด้าน ESG นอกเหนือจากข้อมูลทางการเงิน จึงเป็นหลักฐานในความตั้งใจของ KCG ที่ควบรวมเรื่องความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินการขององค์กร พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการก้าวสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนในระยะยาว

 

ความสำเร็จจากการคว้ารางวัลระดับประเทศ ทั้ง Commended Supply Chain Management Award จากงาน SET Awards 2025 และ Sustainability Disclosure

Acknowledgement 2025 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนผลลัพธ์ของ “กลยุทธ์ซัพพลายเชนแห่งความยั่งยืน” ที่ KCG ยึดถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่เพียงช่วยยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

 

KCG จะยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบซัพพลายเชนให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใส และรับผิดชอบยิ่งขึ้น ตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารที่ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ได้ในระยะยาว และเป็นตัวอย่างขององค์กรไทยที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การเติบโตทางธุรกิจสามารถก้าวเดินเคียงข้างความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

 

เกี่ยวกับบริษัท KCG

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG คือ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ 2501 โดยคุณวิจัย วิภาวัฒนกุลและน้องชายคือ คุณตง ธีระนุสรณ์กิจ จากเดิมใช้ชื่อว่า “กิมจั๊วพาณิชย์”  ซึ่งมีแบรนด์สินค้าที่อยู่คู่ประเทศไทยมานาน อาทิ ‘อิมพีเรียล’  คุกกี้กล่องแดง, ‘อลาวรี่’  แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนย และชีส ยอดขายอันดับ 1 ยาวนาน
ถึง 8 ปีซ้อน, ‘ซันควิก’  น้ำผลไม้เข้มข้น จากธรรมชาติ ยอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวด ต่อปี

 

ในช่วงแรกเริ่มดำเนินธุรกิจทางด้านการนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่าย สินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ จนมาถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนธุรกิจเติบโต กลายเป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ทั้งธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ในกลุ่มสินค้าประเภท เนยและชีส ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์บิสกิตหรือขนม
สําเร็จรูปต่าง ๆ อาทิ คุกกี้ แยมผลไม้ เยลลี่ สําเร็จรูป มากกว่า 2,000 สินค้าภายใต้บริษัทฯ

และบริษัทได้แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนและได้รับการอนุมัติเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีเป้าหมาย เป็นองค์กรที่สร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับการรับประทานอาหาร 
ที่ทุกคนทำงานด้วยใจรักในศาสตร์และศิลปะของอาหาร และความเป็นมืออาชีพ

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ