”อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์“วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดสหรัฐฯกับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีน เป็นแนวทางการเจรจาไทยกับสหรัฐฯ

”อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์“วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดสหรัฐฯกับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีน เป็นแนวทางการเจรจาไทยกับสหรัฐฯ

   เมื่อ : 15 พ.ค. 2568

นายอลงกรณ์ พลบุตรประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์เฟสบุ้คเรื่องบทวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีนวันนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้โดยมีข้อความดังนี้


1.ความเหมือนของข้อตกลงสหรัฐฯกับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีน
1.1เป้าหมายหลัก 
ทั้งสองข้อตกลงมุ่ง ลดความตึงเครียดทางการค้าและแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์  
1.2กรอบเวลา 90 วัน 
ทั้งสองฝ่ายใช้กรอบเวลา 90 วันเป็นระยะชั่วคราวเพื่อประเมินผลและปรับนโยบาย  
  สหรัฐฯ-อังกฤษ: ข้อตกลงมีผลถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2568  
  สหรัฐฯ-จีน: ระงับภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน เริ่ม 14 พ.ค. 2568  
1.3การลดภาษีศุลกากร
  สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าเป้าหมาย เช่น รถยนต์ เหล็ก (อังกฤษ) และสินค้าอุตสาหกรรม (จีน)  
  มีการกำหนด โควตาสินค้าเพื่อควบคุมปริมาณการนำเข้า (เช่น รถยนต์อังกฤษ 1 แสนคัน)  
1.4การเปิดตลาดสินค้าเกษตร
ทั้งสองข้อตกลงเน้นการขยายตลาดสินค้าเกษตร เช่น เนื้อวัวสหรัฐฯ ไปอังกฤษ และสินค้าเกษตรจีนไปสหรัฐฯ 
1.5 การจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือร่วม
1. สหรัฐฯกับอังกฤษตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วม (Working Groups)
เป็นรูปแบบทีมเจรจาเฉพาะด้าน เช่น  
ด้านเกษตรกรรม: เพิ่มการเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ในอังกฤษ   
ด้านเภสัชกรรม: ลดภาษีและอำนวยความสะดวกการส่งออกยาจากอังกฤษ หลังสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการสอบสวนมาตรา 232   
ด้านพลังงานสะอาด: ร่วมมือด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทน   
2.สหรัฐฯและจีนตกลงจัดตั้ง กลไกการหารือทางเศรษฐกิจและการค้าโดยมีตัวแทนหลักคือ:
ฝ่ายจีน : เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี
ฝ่ายสหรัฐฯ :สก็อตต์ เบสเซนต์ (รัฐมนตรีคลัง) และจามีสัน กรีร์ (ผู้แทนการค้า)  
กลไกนี้จะจัดการเจรจาต่อเนื่องทั้งในจีน สหรัฐฯ หรือประเทศที่ตกลงร่วมกัน

2. ความต่างของข้อตกลง
2.1ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษ
1. ลักษณะข้อตกลง
  เป็นข้อตกลงทวิภาคีเฉพาะด้าน(รถยนต์ เหล็ก เกษตร) ยังไม่ครอบคลุมบริการหรือดิจิทัล  
  อังกฤษยอมรับ ภาษีดิจิทัล 2%ของสหรัฐฯ โดยไม่เปลี่ยนแปลง  
2. เงื่อนไขภาษี
  ลดภาษีรถยนต์อังกฤษจาก 25% เหลือ 10% (เฉพาะ 1 แสนคันแรก)  
  ยกเลิกภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอังกฤษเป็น 0%
3. ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์
  เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และเป็นต้นแบบสำหรับการเจรจากับประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์  
  อังกฤษจะสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing มูลค่า 10000 ล้านดอลลาร์
 

2.2ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน 1. ลักษณะข้อตกลง ครอบคลุมประเด็นซับซ้อน เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา การอุดหนุนอุตสาหกรรม การควบคุมสารเฟนทานิล จัดตั้ง กลไกการปรึกษาหารือถาวรโดยมีตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่าย 2. เงื่อนไขภาษี สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 30% จีนลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% 3. ประเด็นความมั่นคง สหรัฐฯ กดดันจีนควบคุม การผลิตสารเฟนทานิลที่รั่วไหลไปยังตลาดมืดอเมริกา จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิก การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี

3.ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
 สหรัฐฯกับอังกฤษ เน้น การฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมและลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน   
 สหรัฐฯกับจีน มุ่งแก้ไขปัญหาการค้าเชิงโครงสร้างและลดอิทธิพลของจีนในตลาดโลก   
4.ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
 ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่ง โดยเฉพาะหุ้น Boeing และ Rolls-Royce   
 ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีนช่วยคลี่คลายความกังวลเรื่อง ภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก   
สรุป
ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯกับอังกฤษและจีน แม้ยังมีประเด็นท้าทายที่ต้องแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมและความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี 
     ทั้งสองข้อตกลงสะท้อน ยุทธศาสตร์ ”America First”ของทรัมป์ ที่มุ่งใช้การเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาการค้า แต่ความสำเร็จในระยะยาวยังขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นและความร่วมมือของคู่เจรจา
หวังว่าบทวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบนี้จะเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้.

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ