กรมการค้าต่างประเทศ จับมือ กรุงศรี ยกระดับบริการการเชื่อมต่อระบบ e-Payment มุ่งเป้าบริการ No visit เต็มรูปแบบ

กรมการค้าต่างประเทศ จับมือ กรุงศรี ยกระดับบริการการเชื่อมต่อระบบ e-Payment มุ่งเป้าบริการ No visit เต็มรูปแบบ

   เมื่อ : 18 พ.ค. 2568

นางอารดา เฟื่องทอง (ซ้าย) อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และนางอุดมพร ปิ่นจินดา (ขวา) ผู้บริหารสายงานวางแผนธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ยกระดับประสิทธิภาพในการชำระค่าบริการของกรมการค้าต่างประเทศผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ให้กับผู้ประกอบการในการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกรมการค้าต่างประเทศในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ

กรุงเทพฯ (16 พฤษภาคม 2568) - กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกับ กรุงศรี(ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ยกระดับงานบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า ด้วยการพัฒนาระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) มุ่งสู่เป้าหมายการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ (Citizen Centric) เพิ่มความง่าย สะดวก และรวดเร็วในการรับบริการ

กรมการค้าต่างประเทศได้ให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าให้กับผู้ประกอบการเฉลี่ยปีละกว่า 1.2 ล้านฉบับ กรมการค้าต่างประเทศจึงมุ่งพัฒนาบริการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้ประกอบการที่ขอรับบริการ โดยความร่วมมือระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาในครั้งนี้จะช่วยยกระดับการให้บริการออกหนังสือสำคัญฯ ขึ้นไปอีกขั้น สู่ระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ผู้รับบริการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ ภายใต้ระบบ DFT SMART – I และ DFT SMART C/O ซึ่งสามารถยื่นคำขอและพิมพ์เอกสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ศูนย์บริการ ทั้งนี้ผู้รับบริการสามารถเลือกชำระค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารกรุงศรี หรือธนาคารพาณิชย์อื่นได้ เพิ่มความง่าย สะดวก และรวดเร็วให้กับผู้รับบริการมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถชำระค่าบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ด้วยการสแกน QR Code ได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีค่าธรรมเนียม ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital government) ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการให้ทันสมัย และเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการบริการออนไลน์

ก้าวต่อไปในการให้บริการของกรมการค้าต่างประเทศ มุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและความได้เปรียบทางการค้าเพิ่มขึ้น อาทิ รองรับการออกหนังสือสำคัญการส่งออก – นำเข้าสินค้าตามกรอบความตกลงทางการค้าใหม่ ๆ ได้แก่ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Trade Association: EFTA)FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงกรอบเจรจาอื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้ โดยมีแผนพัฒนาระบบบริการกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดบริการที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นต่อไป

 

เกี่ยวกับกรุงศรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 80 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 567 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 527 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 40 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32566 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 10 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.krungsri.com

กรุงศรีมีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น